เคล็ดลับการขอคืนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ
คืนเร็ว ครบถ้วน ทำได้ไม่ยาก

    “ปีนี้จะได้เงินคืนไหม?” “ทำไมยังไม่ได้รับเงินคืนเสียที?” หรือ “จะได้คืนภาษีตามจำนวนที่ขอไปหรือไม่?” คำถามเหล่านี้เป็นความกังวลที่ผู้ขอคืนภาษีส่วนใหญ่มักพบเจอ บทความนี้จะพาคุณทำความเข้าใจเรื่องการขอคืนภาษีพร้อมเคล็ดลับสำคัญที่จะช่วยให้คุณขอคืนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องรอนาน และได้เงินคืนครบถ้วนตามสิทธิ์

การขอคืนภาษีอะไร ?

    การขอคืนภาษี (Tax Refund) คือสิทธิที่ผู้เสียภาษีทุกคนมี เมื่อพบว่าตนเองชำระภาษีเกินกว่าที่ต้องเสียจริง แต่การจะได้เงินคืนอย่างรวดเร็วและครบถ้วนนั้น ไม่ใช่แค่”ยื่นแบบแล้วรอ”เท่านั้น

    คุณต้องเข้าใจขั้นตอนการคืนเงิน เตรียมเอกสารให้ครบ และที่สำคัญคือต้องรู้เรื่องอายุความในการขอคืนภาษี มิฉะนั้นอาจหมดสิทธิ์ไปได้

กรณีที่สามารถขอคืนภาษีได้ ?

การขอคืนภาษีเกิดขึ้นได้ในหลายสถานการณ์ เช่น

  • ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเกิน – หักไว้มากกว่าภาษีที่ต้องจ่ายจริง
  • มีสิทธิลดหย่อนเพิ่มเติม – เช่น ค่าประกัน ดอกเบี้ยบ้าน ที่ยังไม่ได้หักในครั้งแรก
  • ยื่นแบบผิดพลาด – ยื่นผิดประเภทหรือชำระซ้ำ
  • รายได้ได้รับยกเว้น – มีรายได้ที่ได้รับยกเว้นภาษีแต่จ่ายภาษีไปแล้ว

เมื่อเจอกรณีเหล่านี้ คุณสามารถยื่นคำร้องขอคืนภาษีได้ทั้งออนไลน์ผ่าน e-Filing หรือที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่

9 จุดที่ผู้ขอคืนภาษีมักพลาด ทำให้ได้เงินช้าหรือไม่ได้เลย

1. กรอกข้อมูลในแบบยื่นภาษีผิด

เช่น เลขประจำตัวผู้เสียภาษีผิด, รายได้ไม่ตรงกับใบรับรอง 50 ทวิ, หรือกรอกยอดภาษีหัก ณ ที่จ่ายผิด

ผลกระทบ : ระบบตรวจสอบไม่ตรงกัน ต้องหยุดการคืนภาษีเพื่อสอบถามซ้ำ

2. เอกสารประกอบไม่ครบหรือไม่ชัดเจน

เอกสารที่มักลืมแนบ

  • ใบรับรองหัก ณ ที่จ่าย (50 ทวิ)
  • ใบลดหย่อน เช่น เบี้ยประกัน, ดอกเบี้ยบ้าน, ค่าซื้อหน่วยลงทุน
  • สำหรับนิติบุคคล: งบการเงิน หลักฐานจ่ายภาษี

ผลกระทบ : เจ้าหน้าที่ต้องขอเอกสารเพิ่ม ทำให้ตรวจสอบล่าช้า หรืออาจปฏิเสธการคืนชั่วคราว

3. ขอคืนภาษีเกินกว่าที่มีสิทธิจริง

เข้าใจผิดว่าภาษีหัก ณ ที่จ่ายทุกกรณีคืนได้ทั้งหมด ทั้งที่บางรายการไม่เข้าเงื่อนไข

ผลกระทบ : กรมสรรพากรต้องตรวจสอบเพิ่มเติมอย่างละเอียด บางกรณีอาจถูกเรียกชี้แจง

4. ยื่นคำร้องเกินอายุความ 3 ปี

การยื่นคำร้องขอคืนภาษีต้องยื่นภายใน 3 ปีนับจากวันสุดท้ายแห่งกำหนดยื่นแบบ

ผลกระทบ : สิทธิขอคืนภาษีขาดอายุความโดยเด็ดขาด ไม่สามารถเรียกร้องได้อีก

5. ไม่ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน

แม้กรมสรรพากรอนุมัติคืนเงินแล้ว แต่หากไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์ ระบบจะไม่สามารถโอนเงินอัตโนมัติได้

ผลกระทบ : การโอนเงินล่าช้าหลายสัปดาห์หรือเป็นเดือน ต้องรอออกเช็คหรือดำเนินการด้วยตนเอง

6. ระบุข้อมูลบัญชีธนาคารหรือที่อยู่ผิด

ที่อยู่ไม่ถูกต้อง หรือชื่อบัญชีไม่ตรงกับชื่อผู้เสียภาษี

ผลกระทบ : เช็คคืนเงินถูกตีกลับ หรือระบบโอนไม่สำเร็จ ต้องแก้ไขซ้ำ

7. ไม่ตอบกลับหนังสือสอบถามจากสรรพากร

เมื่อกรมสรรพากรส่งหนังสือสอบถาม แต่ผู้เสียภาษีไม่ตอบกลับภายในเวลาที่กำหนด

ผลกระทบ : การคืนเงินถูกระงับไว้ชั่วคราวจนกว่าจะได้รับคำชี้แจงครบถ้วน

8. ยื่นแบบภาษีหลายครั้งหรือยื่นซ้ำ

หากไม่ได้ยื่นในระบบแก้ไขแบบเดิม (Amendment) อาจกลายเป็นการยื่นซ้ำ

ผลกระทบ : ระบบคำนวณไม่ตรง การคืนเงินล่าช้า หรือต้องยืนยันแบบที่ถูกต้องอีกครั้ง

9. ไม่เก็บหลักฐานไว้นานพอ

หากไม่ได้ยื่นในระบบแก้ไขแบบเดิม (Amendment) อาจกลายเป็นการยื่นซ้ำ

ผลกระทบ : ระบบคำนวณไม่ตรง การคืนเงินล่าช้า หรือต้องยืนยันแบบที่ถูกต้องอีกครั้ง

6 เคล็ดลับการขอคืนภาษีให้มีประสิทธิภาพ

1. ยื่นแบบให้ถูกต้องตั้งแต่ต้น ผ่าน e-Filing

  • ตรวจสอบตัวเลขรายได้ ภาษีหัก ณ ที่จ่าย และสิทธิลดหย่อนอย่างละเอียดก่อนกดยืนยัน

2. แนบหลักฐานให้ครบถ้วน

  • เช่น ใบรับรอง 50 ทวิ, เบี้ยประกัน, ดอกเบี้ยบ้าน, ค่าซื้อหน่วยลงทุน และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

3. ตอบกลับเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็ว

  • หากสรรพากรสอบถามหรือขอเอกสารเพิ่มเติม ให้รีบตอบกลับและส่งเอกสารโดยทันที

4. ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน

  • เพื่อให้กรมสรรพากรโอนเงินคืนได้อัตโนมัติและรวดเร็วที่สุด

5. อย่าปล่อยให้ขาดอายุความ 3 ปี

  • หากพบว่ามีสิทธิ์ขอคืน ควรดำเนินการโดยเร็วเพื่อไม่ให้พ้นกำหนด

6. ติดตามสถานะอย่างสม่ำเสมอ

  • ติดตามผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร หรือโทรสายด่วน 1161

การขอคืนภาษีไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหากคุณเข้าใจขั้นตอนและเตรียมพร้อมอย่างถูกวิธี การได้รับเงินคืนอย่างรวดเร็วและครบถ้วนคือผลลัพธ์ของความรอบคอบและความเข้าใจในสิทธิของตัวเอง อย่าลืมว่า การได้รับเงินคืนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพคือผลตอบแทนจากการวางแผนภาษีที่ดี ติดตามสิทธิของคุณ เตรียมเอกสารให้พร้อม และอย่าปล่อยให้ขาดอายุความ เพื่อที่คุณจะได้รับเงินคืนที่เป็นสิทธิ์ของคุณอย่างเต็มที่

     ทดลองใช้ NEXTTO ฟรี 30 วัน ติดต่อทีมงานเพื่อรับคำปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่ Line OA – @Nextto

ช่องทางการติดต่อ NEXTTO 

Facebook : Nextto System

Instagram : Nexttosystem

LINE : @Nextto

TikTok : @Nexttosystem

Email : helpdesk@nexttosystem.com

Tel : 095-5088226